เต่เหลี่ยว”โป้ปี่ เป้งอ้านๆ”
ขนมที่ได้รับเกียรติให้เป็นของไหว้อย่างหนึ่งของชาวจีนในภูเก็ต นั่นก็คือ เจ้าขนมหลากสี หลายรส ที่รวมๆ กันแล้วเรียกว่า เต่เหลี่ยว นั่นเอง
ขนมชื่อจีนที่ว่านี้ ค่อนข้างจะแปลกไปกว่าขนมชนิดอื่นๆ อยู่สักหน่อย ตรงที่ไม่ได้เป็นขนมชิ้นเดียว หรือชนิดเดียว หากแต่เป็นการรวมเอาขนมชิ้นพอดีคำหลายๆ ชนิดมารวมกัน ซึ่งประกอบไปด้วย ขนมถั่วตัด หรือ เต้ายิ้งปัง, ขนมงาตัด หรือ มั่วปัง, ถั่วเคลือบน้ำตาล หรือ ซกซา, ฟักเชื่อม หรือ กวยแฉะ และขนมงาพอง หรือ โหงวจ๊งปัง ซึ่งเมื่อมารวมกันแล้ว จึงเรียกว่า เต่เหลี่ยว เต่เหลี่ยวนี้ นับเป็นขนมที่พิเศษตรงที่แม้จะมีลักษณะคล้ายของกินเล่น แต่ก็ยังได้รับเกียรติให้เป็นของไหว้อย่างหนึ่งไม่เคยขาดในประเพณีต่างๆ ของจีน ไม่ว่าจะเป็น ตั้งไหว้หน้าพระในวันพระของจีน คือ วันชุยอิด ขึ้น 1 ค่ำ และวันจับหง่อ ขึ้น 15 ค่ำ ของทุกๆ เดือน หรือตั้งไหว้ในวันสำคัญๆ เช่น วันตรุษจีน ไหว้พระจันทร์ ไหว้เทวดา เป็นต้น โดยเต่เหลี่ยวนี้นับเป็นขนมมงคลอย่างหนึ่งของชาวจีนที่ต้องมีไว้ไม่ได้ขาด เพราะพวกเขาเชื่อว่าเมื่อตั้งไหว้แล้วจะทำให้เกิดสิริมงคลกับตนเองและครอบครัว ทำให้ลูกหลานภายในบ้านมีความรักความสามัคคีเหมือนอย่างเต่เหลี่ยว ที่มีขนมหลายชนิดอยู่รวมกัน ว่ากันว่า เจ้าเต่เหลี่ยวนี้ ชาวจีนมณฑลฮกเกี้ยน บรรพบุรุษส่วนใหญ่ของชาวภูเก็ต เป็นผู้นำเข้ามาพร้อมๆ กับวัฒนธรรมจีนแบบต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ ชาวจีนเขานิยมกินเต่เหลี่ยวเป็นของว่างคู่กับน้ำชา โดยเฉพาะในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่นตรุษจีน เพราะเต่ เป็นภาษาจีนฮกเกี้ยน แปลว่า น้ำชา ส่วน เหลี่ยว แปลว่า ของแกล้ม ของกินเล่น เพราะฉะนั้น เต่เหลี่ยว จึงหมายถึงขนมที่ใช้กินเล่นคู่กับน้ำชา เปรียบเหมือนสมัยนี้ที่คนนิยมกินเค้ก กินเบเกอรี่ คู่กับกาแฟนั่นเอง แต่เมื่อเต่เหลี่ยวเดินทางเข้ามาในภูเก็ต เจ้าขนมหลากสีสันชนิดนี้ก็ได้เปลี่ยนฐานะไปเป็นของไหว้อย่างหนึ่งที่สำคัญของคนจีน และยังคงอยู่คู่กับหน้าพระ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนจีนเคารพนับถือตลอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ และแม้ว่าจะยกฐานะเป็นของไหว้แล้ว แต่เมื่อยกลงมาจากหน้าพระ เต่เหลี่ยวก็ยังเป็นขนมชิ้นเล็กๆ ที่ยังน่ากิน และเรียกความสนใจจากหลายคนได้เสมอ โดยเฉพาะคนที่นิยมกินขนมหรือผลไม้ที่ผ่านการไหว้พระมาแล้ว เพราะถือว่าจะทำให้โชคดี เหมือนที่คนจีนภูเก็ตชอบพูดว่า “ขอให้โป้ปี่ เป้งอ้านๆ” หรือแปลว่า กินแล้วก็ขอให้โชคดี ขอให้ชีวิตมีแต่สิ่งดีงาม… แต่น่าเสียดายที่ลูกหลานชาวจีนรุ่นหลัง ไม่ค่อยจะรู้จักทั้งหน้าตา และชื่อของขนมชนิดนี้กันสักเท่าไรนัก |
เรื่องอื่น ๆ
สวัสดีครับ/ค่ะ! ผม/ดิฉันเป็นหมอที่เชี่ยวชาญในด้านการแพทย์ครับ/ค่ะ ประสบการณ์ของผม/ดิฉันเกี่ยวข้องอย่างแน่นหนากับความตั้งใจในการช่วยเหลือคน และผม/ดิฉันได้ค้นพบทางที่จะใช้พรสวรรค์ทางภาษาของผม/ดิฉันในการทำเช่นนั้น ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของผม/ดิฉันได้เปิดโอกาสให้ผม/ดิฉันไม่เพียงแต่ทำงานกับผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังแบ่งปันความรู้และข้อมูลผ่านการเขียนบทความข่าวสาร
ผม/ดิฉันชื่อ Ananda Niran (อนันดา นิรันดร์) และการเดินทางในวงการแพทย์ของผม/ดิฉันเริ่มต้นมานานแล้ว ผม/ดิฉันได้รับการศึกษาที่มหิดลศาสตร์ และตั้งใจที่จะให้ความสุขและความเจริญสบายในสุขภาพกับผู้ป่วย ประสบการณ์การทำงานของผม/ดิฉันรวมถึงการปฏิบัติงานในหลากหลายสถานบริการทางการแพทย์ ที่นั่นผม/ดิฉันมีหน้าที่วินิจฉัย รักษา และดูแลผู้ป่วยที่มีโรคหลากหลาย
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป ผม/ดิฉันเข้าใจว่าสิ่งสำคัญไม่ได้เพียงแค่การช่วยเหลือผู้ป่วยแต่เพิ่มเติมด้วยการกระจายข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มคนใหญ่ ในโลกที่มีข้อมูลทางการแพทย์มากมาย ผม/ดิฉันตัดสินใจที่จะเข้าร่วมมีส่วนร่วมโดยใช้ความรู้และทักษะทางภาษาของผม/ดิฉัน จึงเริ่มเขียนบทความข่าวสารเกี่ยวกับความก้าวหน้าล่าสุดในการแพทย์ โรคต่าง ๆ การป้องกัน และรูปแบบการดำเนินชีวิต
ความหลงไหลในการเขียนช่วยให้ผม/ดิฉันสามารถอธิบายคำศัพท์และความคิดทางการแพทย์ที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ผม/ดิฉันพยายามให้ความสำคัญและรับผิดชอบต่อทุกบทความ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีประโยชน์ ที่สามารถช่วยเหลือคนในการดูแลสุขภาพของตน
พลังประสิทธิ์ของผม/ดิฉันคือที่ทำให้ข้อมูลทางการแพทย์เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนใส่ใจกับความเจริญสุขของตนเอง บทความข่าวสารทุกเรื่องเป็นโอกาสที่จะแบ่งปันความรู้และช่วยเหลือคนที่กำลังมองหาข้อมูลทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ นี่คือเสถียรภาพของผม/ดิฉัน และผม/ดิฉันภาคภูมิใจที่สามารถให้ความช่วยเหลือและแรงบันดาล
ใจในโลกของสายการแพทย์นี้ได้