The Terminal เป็นเรื่องราวของ
วิกเตอร์ นาวอร์สกี้ (ทอม
แฮงก์ส) ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ดั้นด้นมาจากประเทศในยุโรปตะวันออกเพื่อมาเยือนนิวยอร์ค
ด้วยจุดประสงค์ที่เขาบอกเพียงแค่ว่า “มันเป็นสัญญา”
ในระหว่างการเดินทางมาเยือนอเมริกาของวิกเตอร์ ประเทศของเขาเกิดการปฏิวัติยึดอำนาจ
วิกเตอร์ จึงกลายเป็นคนไร้สัญชาติ และไม่สามารถเข้าประเทศอเมริกาได้
ครั้นจะกลับบ้านเกิดของตนก็เกิดสงครามกลางเมือง
เขาจึงต้องติดอยู่ในอาคารผู้โดยสาร ของสนามบินนานาชาติจอห์น
เอฟ เคนเนดี้ พร้อมกับพาสปอร์ตที่ไร้สังกัด วิกเตอร์ต้องใช้ชีวิตทั้งกลางวันและกลางคืนที่ไม่ใช่เพียงไม่กี่ชม.หรือไม่กี่วัน
แต่เป็นเวลาหลายต่อหลายเดือนด้วยกัน …แล้วเรื่องราวที่แสนประทับใจก็เกิดขึ้นที่นี่
The Terminal เป็นหนังที่ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อมดแห่งฮอลิวู๊ด
สตีเว่น สปีลเบิร์ก
และเป็นอีกครั้งที่เขาได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามนต์ขลังแห่งการทำหนังของเขา
ไม่ได้จางหายไปตามกาลเวลาเลยแม้แต่น้อย ซึ่ง The
Terminal คืออีกเรื่องหนึ่งที่มีบทภาพยนตร์และพล๊อตเรื่องที่น่าสนใจมากๆ
โดยการจับตัวละครไปใส่ไว้ในสถานที่ที่จำกัด แล้วเล่นกับความแตกต่างทางภาษาและวัฒนธรรมที่ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ
ขึ้น และด้วยฝีมือในการกำกับของ สปีลเบิร์ก ทำให้
The Terminal เป็นหนังที่สื่อระดับอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม
กับเสียงหัวเราะในนาทีแรก แต่ในนาทีต่อมาคุณอาจนั่งซับน้ำตาอยู่ก็ได้
และยังแฝงไว้ด้วยมุขกัดจิกสังคม ที่ทำให้เราได้ขบคิดไปพร้อมๆ
กับการดูหนังอยู่ตลอดเรื่อง ทำให้รู้สึกว่าชีวิตบนโลกใบนี้มันน่าอยู่
มันอบอุ่น มันยังมีความรักและยังมีความหวังรอเราอยู่เสมอ
หากเรามีศรัทธาในตัวของเราเอง
ซึ่งสิ่งที่ได้จากหนังเรื่องนี้คือ
“ความสมบูรณ์แบบ” ของทุกๆ ส่วน
ทั้งบทภาพยนตร์แม้จะติดดรามานิดๆ แต่ก็ยังแฝงข้อคิดพร้อมมุขตลก
และที่สำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นๆ คือนักแสดงทุกคนต่างสวมบทบาทตัวละครได้อย่างเยี่ยมยอด
โดยเฉพาะลุง Tom ที่เล่นได้เป็นธรรมชาติเสียเหลือเกินไม่ว่าจะลีลาท่าทางบ้านนอก
สำเนียงคนยุโรปตะวันออกที่เราต้องยกนิ้วให้ หรือแม้กระทั่ง
สแตนลีย์ ทุคชี่ ที่สวมบทเป็น
แฟรงก์ ดิกซัน ตัวร้ายแบบน่ารักเล็กๆ
หรือจะเป็นมุขต่างๆ ในหนังมีทั้งฮาปานกลางไปจนถึงฮาสุดๆ
มีซึ้งเล็กๆ หวานหน่อยๆ หรือจะเศร้าเคล้าน้ำตาเอ่อพองาม
ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงล้วนออกมาจากความมหัศจรรย์ของบทหนังที่ถ่ายทอดผ่านตัวละครได้อย่างน่าประทับ
ทั้งแสนน่ารัก อบอุ่นและซึ้งกินใจ
หากคุณไม่เชื่อว่า
The Terminal เป็นหนังที่ยังคงความยอดเยี่ยมแค่ไหน
ทำไมถึงคงความประทับใจอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน
แม้จะผ่านมาแรมปีก็ตามที ลองหยิบ The Terminal ขึ้นมาดู
แล้วคุณจะรู้ว่าความมหัศจรรย์ของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไร
สวัสดีครับ/ค่ะ! ผม/ดิฉันเป็นหมอที่เชี่ยวชาญในด้านการแพทย์ครับ/ค่ะ ประสบการณ์ของผม/ดิฉันเกี่ยวข้องอย่างแน่นหนากับความตั้งใจในการช่วยเหลือคน และผม/ดิฉันได้ค้นพบทางที่จะใช้พรสวรรค์ทางภาษาของผม/ดิฉันในการทำเช่นนั้น ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของผม/ดิฉันได้เปิดโอกาสให้ผม/ดิฉันไม่เพียงแต่ทำงานกับผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังแบ่งปันความรู้และข้อมูลผ่านการเขียนบทความข่าวสาร
ผม/ดิฉันชื่อ Ananda Niran (อนันดา นิรันดร์) และการเดินทางในวงการแพทย์ของผม/ดิฉันเริ่มต้นมานานแล้ว ผม/ดิฉันได้รับการศึกษาที่มหิดลศาสตร์ และตั้งใจที่จะให้ความสุขและความเจริญสบายในสุขภาพกับผู้ป่วย ประสบการณ์การทำงานของผม/ดิฉันรวมถึงการปฏิบัติงานในหลากหลายสถานบริการทางการแพทย์ ที่นั่นผม/ดิฉันมีหน้าที่วินิจฉัย รักษา และดูแลผู้ป่วยที่มีโรคหลากหลาย
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป ผม/ดิฉันเข้าใจว่าสิ่งสำคัญไม่ได้เพียงแค่การช่วยเหลือผู้ป่วยแต่เพิ่มเติมด้วยการกระจายข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มคนใหญ่ ในโลกที่มีข้อมูลทางการแพทย์มากมาย ผม/ดิฉันตัดสินใจที่จะเข้าร่วมมีส่วนร่วมโดยใช้ความรู้และทักษะทางภาษาของผม/ดิฉัน จึงเริ่มเขียนบทความข่าวสารเกี่ยวกับความก้าวหน้าล่าสุดในการแพทย์ โรคต่าง ๆ การป้องกัน และรูปแบบการดำเนินชีวิต
ความหลงไหลในการเขียนช่วยให้ผม/ดิฉันสามารถอธิบายคำศัพท์และความคิดทางการแพทย์ที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ผม/ดิฉันพยายามให้ความสำคัญและรับผิดชอบต่อทุกบทความ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีประโยชน์ ที่สามารถช่วยเหลือคนในการดูแลสุขภาพของตน
พลังประสิทธิ์ของผม/ดิฉันคือที่ทำให้ข้อมูลทางการแพทย์เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนใส่ใจกับความเจริญสุขของตนเอง บทความข่าวสารทุกเรื่องเป็นโอกาสที่จะแบ่งปันความรู้และช่วยเหลือคนที่กำลังมองหาข้อมูลทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ นี่คือเสถียรภาพของผม/ดิฉัน และผม/ดิฉันภาคภูมิใจที่สามารถให้ความช่วยเหลือและแรงบันดาล
ใจในโลกของสายการแพทย์นี้ได้