เปิดสำรับ กับข้าวเจ แบบภูเก็ต
แต่ก็ยังมีหลายฝ่ายบอกว่า อาหารเจที่ถูกหลักนั้นจะไม่มีการปรุงแต่งหน้าตาเหมือนสมัยนี้ นัยว่าเพื่อรักษาจิตใจให้บริสุทธิ์จริงๆ ไม่ต้องกินไปนึกไปว่าเรากำลังกินสัตว์อะไร แล้วรู้มั้ยคะ อาหารของคนภูเก็ตสมัยก่อน ก็เข้าข่ายฝ่ายนี้เหมือนกัน
อาม่าของฉันซึ่งเป็นคนจีนฮกเกี้ยนแท้ๆ แต่อยู่ภูเก็ตตั้งแต่เกิด ต้นตำรับกับข้าวท้องถิ่นคนหนึ่งเล่าว่า คนจีนในภูเก็ตดั้งเดิมเขาเรียกช่วงกินเจด้วยภาษาจีนฮกเกี้ยนว่า “เจี้ยะฉ่าย” ซึ่งถ้าเรียกตามภาษาไทยก็คือกินผัก นั่นเอง เพราะอาหารที่ทำกินกันช่วงนี้มีผักเป็นหลัก รองลงมาก็คือพวกเต้าหู้แบบต่างๆ ซึ่งมีแค่สองอย่างนี้คนภูเก็ตเขาก็อิ่มกันไปได้จนครบ 9 วัน สบายแบบไม่มีหิว ซึ่งอาม่าเต็มใจให้รายชื่ออาหารมาเยอะเหลือเกิน ฉันเลยยกมาบอกกัน 5 อย่างคือ คือ ยำเต้าหู้ขาว ยำเต้าหยู (ยำเต้าหู้ยี้) อาจาด เต้ากั้วทอด ( เต้าหู้เหลืองทอด) และแกงจืดเต๊กกากี่ (แกงจืดฟองเต้าหู้)
เห็นหลายอย่างแบบนี้ ลองทำจริงๆ รับรองไม่ถึงชั่วโมงก็ได้อิ่มท้อง แค่ไปตลาดซื้อเต้าหู้ขาวสักก้อน ก้อนละ 5 บาท เอามาต้มในน้ำพอเดือด ยกใส่จานปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว มะนาว และหั่นพริกลงไปคลุก แค่นี้ก็ได้ยำเต้าหู้ขาว กินอร่อยๆ กับข้าวสวยก็ได้ ข้าวต้มก็ดี หรือไปซื้อเต้าหยูเป็นขวดมาไม่กี่บาท มาทำยำเต้าหู้ยี้ ตักออกมาเป็นก้อน บีบให้ร่วน คลุกกับน้ำนิดหน่อย ใส่ถั่วใต้ดิน (ถั่วลิสง) คั่วที่บดหยาบๆ เพื่อเพิ่มความหอม ใส่พริกสดหั่น แล้วปรุงรสตามใจชอบ ทานต่างเป็นน้ำพริก กินกับผักบุ้งลวก ถั่วพลูและแตงกวา หรือผักอื่นก็ได้
รายการต่อมาเต้ากั้วทอด นี่ก็ง่ายแสนง่าย เพียงซื้อเต้าหู้แข็งสีเหลืองสักก้อนมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วทอด พอสุกก็กินได้แล้ว จะกินกับข้าวเลยหรือจะกินกับน้ำจิ้มเป็นของว่างก็ได้ ส่วนแกงจืดเต๊กกากี่ ก็เอาเต๊กกากี่มาแช่น้ำให้พอง ตัดเป็นชิ้นๆ หั่นขี้พร้า ( ฟักเขียว ) เป็นชิ้นใหญ่พอประมาณ ตั้งน้ำให้เดือด หยอดน้ำมันลงไปเล็กน้อย ปรุงรสตามใจชอบ แล้วใส่ขี้พร้าต้มจนนิ่ม ก่อนยกลง ใส่เต๊กกากี่ลงไป หรือจะเพิ่มวุ้นเส้นลงไป ตอนสุดท้ายก็ได้
สุดท้าย อาจาด อันนี้ของเด็ด ตอนแรกเอาพริกแห้งพอประมาณลงครก ตำให้พอละเอียด ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล เสร็จแล้วเอาไปตั้งกระทะ ใส่หัวกะทิลงไป เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนแตกมัน แล้วใส่หางกะทิลงไป ตามด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาล ชิมรสตามใจชอบ ต่อด้วยงาและถั่วใต้ดินบด สุดท้ายใส่ผักบุ้งหั่นเป็นชิ้นๆ ถั่วฝักยาวหั่นเป็นท่อน และแตงกวาหั่นเป็นชิ้นเล็ก กินกับข้าวสวย ได้รสเปรี้ยว เค็ม มัน หอมถั่ว หอมงา
เมนูของอาม่ายังมีอีกเยอะ อาทิ หมี่เจ จับฉ่าย ห่อหมก ผัดน้ำเต้า ( ฟักทอง) ผัดถั่วฝักยาว ผัดผักบุ้ง ผัดถั่วงอก ฯ เห็นกันหรือยังคะ ว่าคนภูเก็ตสมัยก่อนเขากินเจกันง่ายจริงๆ ไม่ผัก เต้าหู้ ก็ถั่ว ก็งา ที่เขียนมานี้ไม่ใช่จะต่อต้านอาหารเจสมัยนี้ แต่อยากจะให้หลายๆ คนได้ลองทบทวนกันดูว่า กินเจทั้งทีนั้น เราได้งดเนื้อสัตว์ทั้งทางกายและใจหรือเปล่า เท่านั้นเอง
เรื่องอื่น ๆ
สวัสดีครับ/ค่ะ! ผม/ดิฉันเป็นหมอที่เชี่ยวชาญในด้านการแพทย์ครับ/ค่ะ ประสบการณ์ของผม/ดิฉันเกี่ยวข้องอย่างแน่นหนากับความตั้งใจในการช่วยเหลือคน และผม/ดิฉันได้ค้นพบทางที่จะใช้พรสวรรค์ทางภาษาของผม/ดิฉันในการทำเช่นนั้น ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของผม/ดิฉันได้เปิดโอกาสให้ผม/ดิฉันไม่เพียงแต่ทำงานกับผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังแบ่งปันความรู้และข้อมูลผ่านการเขียนบทความข่าวสาร
ผม/ดิฉันชื่อ Ananda Niran (อนันดา นิรันดร์) และการเดินทางในวงการแพทย์ของผม/ดิฉันเริ่มต้นมานานแล้ว ผม/ดิฉันได้รับการศึกษาที่มหิดลศาสตร์ และตั้งใจที่จะให้ความสุขและความเจริญสบายในสุขภาพกับผู้ป่วย ประสบการณ์การทำงานของผม/ดิฉันรวมถึงการปฏิบัติงานในหลากหลายสถานบริการทางการแพทย์ ที่นั่นผม/ดิฉันมีหน้าที่วินิจฉัย รักษา และดูแลผู้ป่วยที่มีโรคหลากหลาย
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป ผม/ดิฉันเข้าใจว่าสิ่งสำคัญไม่ได้เพียงแค่การช่วยเหลือผู้ป่วยแต่เพิ่มเติมด้วยการกระจายข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มคนใหญ่ ในโลกที่มีข้อมูลทางการแพทย์มากมาย ผม/ดิฉันตัดสินใจที่จะเข้าร่วมมีส่วนร่วมโดยใช้ความรู้และทักษะทางภาษาของผม/ดิฉัน จึงเริ่มเขียนบทความข่าวสารเกี่ยวกับความก้าวหน้าล่าสุดในการแพทย์ โรคต่าง ๆ การป้องกัน และรูปแบบการดำเนินชีวิต
ความหลงไหลในการเขียนช่วยให้ผม/ดิฉันสามารถอธิบายคำศัพท์และความคิดทางการแพทย์ที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ผม/ดิฉันพยายามให้ความสำคัญและรับผิดชอบต่อทุกบทความ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีประโยชน์ ที่สามารถช่วยเหลือคนในการดูแลสุขภาพของตน
พลังประสิทธิ์ของผม/ดิฉันคือที่ทำให้ข้อมูลทางการแพทย์เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนใส่ใจกับความเจริญสุขของตนเอง บทความข่าวสารทุกเรื่องเป็นโอกาสที่จะแบ่งปันความรู้และช่วยเหลือคนที่กำลังมองหาข้อมูลทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ นี่คือเสถียรภาพของผม/ดิฉัน และผม/ดิฉันภาคภูมิใจที่สามารถให้ความช่วยเหลือและแรงบันดาล
ใจในโลกของสายการแพทย์นี้ได้