งานผ้อต่อ ภูเก็ต
ผ้อต่อ เป็นประเพณี การทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว องค์ผ่อต่อก้ง (กวนอิมไต่สือ) คือภาค (ป้าน) หนึ่งของเจ้าแม่กวนอิมแปลงร่างให้น่ากลัวเหมือนพญามาร เพื่อให้สามารถปราบเหล่าวิญญาณได้เนื่องจากต้องไปโปรดสัตว์ในนรก ซึ่งท่านจะคอยดูแลเหล่าวิญญาณพเนจรทั้งหลายที่ขึ้นมาบนโลกมนุษย์ และจะคอยตามเหล่าวิญญาณที่ยังไม่ยอมกลับบ้าน เมื่อครบกำหนดเวลาที่ประตูวิญญาณเปิด (30 ค่ำ เดือน 7)
งานผ้อต่อ (ภาษาคนภูเก็ต) หรือ วันสารทจีน ของจังหวัดภูเก็ตเป็นเทศกาลงานบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้บรรพบุรุษ เป็นประเพณีที่ชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดภูเก็ตปฏิบัติสืบทอดต่อกันมายาวนาน คำว่า “ผ้อต่อ” เป็นคำในภาษาจีน มีความหมายว่า การอนุเคราะห์ผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ยาก ด้วยการประกอบพิธีบวงสรวง บำเพ็ญกุศล เพื่ออุทิศอานิสงส์ อันเกิดจากการบำเพ็ญนั้นแก่บรรพบุรุษ ญาติพี่น้องผู้ล่วงลับ อันเป็นการแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีของลูกหลาน
ซึ่งเป็นประเพณีนิยมที่ได้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมานาน จนเรียกได้ว่าเป็นงานประจำปีของชาวภูเก็ตไปแล้วก็ว่าได้ ประเพณีนี้ได้สืบทอดกันมานับเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน โดยยึดถือตามคติความเชื่อประเพณีจีน งานเทศกาลนี้จัดให้มีขึ้น ตั้งแต่วัน ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ตามปฏิทินจันทรคติจีน (ประมาณเดือน ๙ ปฏิทินจันทรคติไทย) ชาวจีนถือว่าเป็นเดือนปล่อยวิญญาณ ประตูวิญญาณจะเปิดออก เพื่อให้เหล่าวิญญาณพเนจรออกมาเที่ยวเล่นเป็นเวลา 1 เดือน ชาวจีนจึงร่วมกันจัดอาหารคาวหวานเซ่นไหว้ เพื่อเป็นการระลึกถึงผู้วายชน ที่ก่อนเคยได้ใช้ชีวิตร่วมกันในชุมชนเดียวกัน (โดยไม่จำเป็นต้องแซ่เดียวกัน) เป็นการแสดงถึงความกตัญญูและความสามัคคีกลมเกลียวในชุมชนนั้นๆ คล้ายกับการทำบุญเดือนสิบของประเพณีไทยนั่นเองและในเดือนเจ็ด ชาวจีนจะห้ามมิให้ลูกหลานออกนอกบ้านหลังเวลาพลบค่ำ(เวลา 18.00 น.) เพราะอาจเคราะห์หามยามร้ายได้
งานเทศกาลพ้อต่อมีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า เทศกาลอุลลัมพน ตามสำเนียงชาวจีนฮกเกี้ยน แปลความว่า กิจกรรมโปรดสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกันเทศกาลพ้อต่อเป็นวันครึ่งปีตามคตินิยมของจีน เป็นวันที่วิญญาณได้รับการปลดปล่อยให้กลับมาเยี่ยมญาติพี่น้อง ชาวจีนจึงจัดพิธีบวงสรวงวิญญาณบรรพบุรุษ ด้วยการตกแต่งแท่นบูชาและเครื่องกงเต็กตามบ้านเรือน การประกอบพิธีผ้อต่อ จะมีการจัดเครื่องบวงสรวง ซึ่งมีทั้งอาหารคาวหวาน ผลไม้ต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือขนมที่ทำด้วยแป้งข้าวสาลีผสมน้ำตาลสีแดงปั้นเป็นรูปเต่า โดยมีความเชื่อว่า เต่าเป็นพาหนะแห่งสวรรค์ มีอายุยืนยาว สามารถนำผู้คนข้ามแดนทุรกันดาร จนล่วงพ้นจากความทุกข์ยากทั้งปวง
ขนมเต่าสีแดง หรือที่เรียกว่าอั่งกู๊ เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของงานนี้เลย ซึ่งประชาชนจะทำมาเซ่นไหว้ ทำด้วยแป้งข้าวสาลี ผสมกับน้ำตาล ปั้นเป็นตัว หรือเข้าพิมพ์อัดเป็นรูปเต่า ขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง แล้วย้อมด้วยสีแดง บ้างคนที่มีฐานะทำมาถวายมีขนาดใหญ่มากๆ ถ้าคนทั่วๆไปก็จะทำอันเล็กๆมาถวาย
คนจีนนั้นนิยมว่า เต่าเป็นสัตว์อายุยืน การทำพิธีต่างๆ จึงนิยมนำเต่ามาเป็นส่วนหนึ่ง ของพิธีด้วย นั่นเอง ซึ่งหลังจากเซ่นไหว้แล้ว ผู้คนก็มักนิยมนำมารับประทาน นัยว่าจะทำให้อายุยืนเหมือนเต่า
โดยปกติแล้วงานผ้อต่อ จะจัดกันเกือบทั่วภูเก็ตสถานที่สำคัญๆ ก็มีไม่กี่แห่ง คือ ศาลเจ้าต่องย่องสู ที่กะทู้ จะเริ่มก่อนเพื่อน ศาลเจ้าชิดเชี่ยว เป็นศาลเจ้าที่สอง ศาลเจ้าจะอยู่ใกล้ๆกัน ห้างแมคโค ตลาดสดเทศบาล1 หรือที่คนภูเก็ตเรียกว่าตลาดดาวน์ทาวน์ จะจัดงานประมาณ 2 วันปิดถนนเส้นหน้าตลาดสดตอนกลางคืน ศาลเจ้าเซ่งเต็กเบ่ว หรือ พ้อต่อก๊ง อยู่บริเวณบางเหนียว อยู่ติดกับ โรงเรียนเทศบาลบ้านบางเหนียว สถานที่นี้จะจัดงานประมาณ 7 วัน 7 คืน ถือว่างานใหญ่มากของที่ศาลเจ้านี้
เรื่องอื่น ๆ
สวัสดีครับ/ค่ะ! ผม/ดิฉันเป็นหมอที่เชี่ยวชาญในด้านการแพทย์ครับ/ค่ะ ประสบการณ์ของผม/ดิฉันเกี่ยวข้องอย่างแน่นหนากับความตั้งใจในการช่วยเหลือคน และผม/ดิฉันได้ค้นพบทางที่จะใช้พรสวรรค์ทางภาษาของผม/ดิฉันในการทำเช่นนั้น ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของผม/ดิฉันได้เปิดโอกาสให้ผม/ดิฉันไม่เพียงแต่ทำงานกับผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังแบ่งปันความรู้และข้อมูลผ่านการเขียนบทความข่าวสาร
ผม/ดิฉันชื่อ Ananda Niran (อนันดา นิรันดร์) และการเดินทางในวงการแพทย์ของผม/ดิฉันเริ่มต้นมานานแล้ว ผม/ดิฉันได้รับการศึกษาที่มหิดลศาสตร์ และตั้งใจที่จะให้ความสุขและความเจริญสบายในสุขภาพกับผู้ป่วย ประสบการณ์การทำงานของผม/ดิฉันรวมถึงการปฏิบัติงานในหลากหลายสถานบริการทางการแพทย์ ที่นั่นผม/ดิฉันมีหน้าที่วินิจฉัย รักษา และดูแลผู้ป่วยที่มีโรคหลากหลาย
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป ผม/ดิฉันเข้าใจว่าสิ่งสำคัญไม่ได้เพียงแค่การช่วยเหลือผู้ป่วยแต่เพิ่มเติมด้วยการกระจายข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มคนใหญ่ ในโลกที่มีข้อมูลทางการแพทย์มากมาย ผม/ดิฉันตัดสินใจที่จะเข้าร่วมมีส่วนร่วมโดยใช้ความรู้และทักษะทางภาษาของผม/ดิฉัน จึงเริ่มเขียนบทความข่าวสารเกี่ยวกับความก้าวหน้าล่าสุดในการแพทย์ โรคต่าง ๆ การป้องกัน และรูปแบบการดำเนินชีวิต
ความหลงไหลในการเขียนช่วยให้ผม/ดิฉันสามารถอธิบายคำศัพท์และความคิดทางการแพทย์ที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ผม/ดิฉันพยายามให้ความสำคัญและรับผิดชอบต่อทุกบทความ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีประโยชน์ ที่สามารถช่วยเหลือคนในการดูแลสุขภาพของตน
พลังประสิทธิ์ของผม/ดิฉันคือที่ทำให้ข้อมูลทางการแพทย์เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนใส่ใจกับความเจริญสุขของตนเอง บทความข่าวสารทุกเรื่องเป็นโอกาสที่จะแบ่งปันความรู้และช่วยเหลือคนที่กำลังมองหาข้อมูลทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ นี่คือเสถียรภาพของผม/ดิฉัน และผม/ดิฉันภาคภูมิใจที่สามารถให้ความช่วยเหลือและแรงบันดาล
ใจในโลกของสายการแพทย์นี้ได้