สาวๆ หลายคน มักเจอกับปัญหาในการแต่งหน้าก็ตรงส่วน “คิ้ว” นี่แหล่ะค่ะ ที่กว่าจะทำให้คิ้วดูเรียวสวยเข้ารับกับใบหน้าได้นี่ แหม…มันช่างยากเย็นเหลือเกิน บางคนคิ้วสวยได้รูปอยู่แล้วก็มีชัยไปกว่าครึ่ง แต่กับบางคนที่แต่งหน้าสวยแต่วาดคิ้วพลาด นี่ก็อาจเสียความมั่นใจไปได้เหมือนกัน ฉะนั้นสาวกเมคอัพทั้งหลาย เรามาหาวิธีเสริมคิ้วให้สวยงามเข้ารูปกันเถอะ 1. เริ่มจากการกันคิ้ว อันนี้ใครถนัดใช้มีดหรือใช้ปากคีบถอนขนคิ้วก็ได้ทั้งนั้น แต่การจะเล็มขนคิ้วให้เข้ารูปสวยงาม เราควรใช้ดินสอเขียนคิ้ววาดคิ้วให้ได้รูปตามต้องการก่อน จากนั้นใช้แปรงปัดขนคิ้วช่วย โดยการปัดคิ้วขึ้นไปด้านบน และค่อยๆ เล็มส่วนที่เกินจากแนวสวยของคิ้วออก ระวังอย่าเอาออกมากเกินไปนะคะ เพราะนอกจากจะทำให้หน้าเราดูโล้นแล้ว เวลาแต่งหน้าอาจดูเป็นงิ้วได้ และสำหรับคนที่หางคิ้วตกนั้น ควรกันคิ้วส่วนปลายออกสักนิด เพื่อแก้ไขด้วยการวาดคิ้วตรงส่วนปลายให้สูงขึ้น เพื่อปรับโครงสร้างของคิ้วของคุณค่ะ 2. วาดคิ้วโดยเลือกใช้ดินสอเขียนคิ้วที่สีใกล้เคียงกับตาดำคุณมากที่สุด โดยใช้ดินสอที่เหลาแหลมเขียนด้วยเส้นบางๆ เร็วๆ บนเส้นคิ้ว หรือถ้าคุณเป็นมือใหม่หัดเขียนคิ้ว ปัจจุบันก็มีที่ทาคิ้วทั้งแบบผงและแบบเจล ที่จะช่วยทำให้คิ้วของคุณดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยไม่ว่าคุณจะใช้วิธีเขียนคิ้วแบบไหน ก็ใช้ทฤษฎีสีเดียวกันคือ วาดคิ้วให้หัวคิ้วบาง หางคิ้วเข้ม และตรงส่วนปลายคิ้วให้วาดเลยส่วนหางตาออกไปเล็กน้อย โดยอาจใช้ไม้ยาวๆ สักแท่งวัดตามสัดส่วนคือ จากปีกจมูกจรดกลางตาจะเป็นส่วนโค้งของรูปคิ้ว และจากปีกจมูกจรดหางตา จะเป็นส่วนหางคิ้ว ทั้งนี้ก็เพื่อให้เค้าโครงการแต่งหน้าในส่วนอื่นๆ นั้นมีความสมดุลมากขึ้น ส่วนใครจะเขียนส่วนปลายคิ้วเป็นแบบโค้งหรือแบบตรง ก็สามารถทำได้ตามชอบ ขึ้นอยู่กับ look ที่คุณอยากให้เป็นค่ะ 3. แต่สำหรับสาวๆ…
กระ ,ครีมกันแดด, สาเหตุ
ยังไงก็ต้องยอมรับกันก่อนนะครับว่า ไม่มีครีมกันแดดไหนที่กันแสงแดดได้ 100% นะครับ ( SPF 100 ก็คือป้องกันผิวแดงไหม้ได้นาน 100 เท่าเมื่อเทียบกับไม่ทาครีมกันแดด , ไม่ใช่กันได้ 100% ครับ) เพราะฉะนั้น ต่อให้ทาครีมกันแดดแล้ว ก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดอยู่ดี และต้องทาให้ถูกหลักวิธี เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดด้วยนะครับ คือเลือกชนิดให้เหมาะสมกับกิจวัตรประจำวัน ทั้งค่า SPF,การทนน้ำ-ทนเหงื่อ , ให้ครอบคลุมเวลาที่โดนแดด (นั่งอยู่ในรถกระจกใสก็ถือว่าโดนไอแดดและผิวถูกทำลายได้ ) และ “กระ” มีสาเหตุทั้งจากพันธุกรรม และ แสงแดด เมื่อเกิดขึ้นแล้วถ้าไม่รักษาก็ไม่หายเอง แต่ไม่เปลี่ยนเป็นมะเร็งผิวหนังหรือโรคร้ายแรงอื่น (เฉพาะ กระจริงๆ – freckle) แต่มีแนวโน้มจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆไม่อยู่เท่าเดิม เพียงแต่ว่าจะเพิ่มขึ้นช้าเหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับการสัมผัสแสงแดด , ครีมกันแดดที่ใช้ , พันธุกรรม ส่วนการรักษาให้กระจางลงนั้นง่ายมาก แต้มกระไม่กี่สิบบาทก็จางออก แต่จะให้หายขาดนั้นยาก แต่สามารถทำได้โดยต้องอาศัยการดูแลต่อเนื่องด้วย ปัจจุบันนี้เครื่องมือแพทย์ดีๆมีมาก สำคัญที่การให้ความร่วมมือของคนไข้และการตั้งใจจริงของแพทย์ครับ … สำหรับค่าใช้จ่าย –…
รูขุมขนกว้าง, กระชับ , เรียบเนียน, วิธีการรักษา, ปัญหา
จริงๆแล้วการแก้ปัญหาผิวหยาบกร้าน,รูขุมขนกว้างให้ได้ผลจริง และยั่งยืนในระยะยาวนั้นทำได้นะครับ แต่ต้องใช้เวลานาน 2- 6 เดือน ขึ้นกับแต่ละคน แต่ถ้าคนไข้มีเวลาให้หมอน้อย ก็ต้องเอาแบบเฉพาะหน้าไปก่อนนะครับ คือให้ใช้เจลเพิ่มความตึงเรียบของผิวทาก่อนแต่งหน้า (คุณสมบัติจะคล้ายทาไข่ขาวหรือทากาวใส นึกออกมั้ยครับ) ทาแล้วผิวจะตึงๆดูเรียบเนียน พรางรูขุมขนที่กว้างให้มองไม่ชัด แต่เมื่อทาครีมบำรุงและกันแดดทับก็จะลดความตึงลงไปเล็กน้อย (และเมื่อล้างออกก็จะกลับสู่สภาพเดิม) แล้วก็เดินเข้าไปในงานอย่างมั่นใจครับ รูขุมขนจะกว้างจะแคบก็แพ้ความมั่นใจของเราครับ สรุป :ผ่านวันรับปริญญาไปแล้ว ถ้าปัญหานี้ยังทำให้กังวลและขาดความมั่นใจอยุ่เรื่อยๆ แนะนำให้รักษาจริงจังเพื่อผลระยะยาวซึ่งไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายครับ เพราะแค่ลำพังรักษาแบบพื้นฐาน คือ ทรีทเมนต์-ไอออนโต,ทาครีมบำรุง-กันแดดน่ะ ไม่หายหรอกครับ แค่ดีขึ้นเล็กน้อย ต้องอาศัยความตั้งใจและเข้าใจจริงทั้งของหมอและคนไข้ เพราะเหมือนกับต้องปรับเปลี่ยนการสร้างผิวให้เป็นอีกแบบ จึงต้องอาศัยทั้งการทายาและทำหัตถการหลายๆ อย่าง หมอจึงเรียกเป็น โปรแกรม ( Extra smooth Program) น่าแปลกนะครับ ปัญหาเล็กๆ แต่เวลารักษาต้องลงลึกไม่ธรรมดาทีเดียว แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนนะครับ ที่ปัญหาแผลเป็น, รูขุมขนกว้าง และผิวขรุขระหยาบกร้านนั้น แทบรักษาไม่ได้เลย ก็เพราะสมัยนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวกระโดดมากครับ ตอบคำถามโดย นพ.วิษณุ ประเสิรฐสม Madicare…
วิธีแก้, ขอบตาคล้ำ, วิธีการรักษา
อยากตรวจดูจัง ว่า คล้ำจากอะไรครับ เช่น คล้ำจากสีผิวที่เข้มขึ้น คือมีเม็ดสีเมลานินกระจายตัวอยู่เยอะกว่าปกติ – แก้ไขโดยการใช้ครีมลดการสร้างเม็ดสีทาบริเวณนี้ ร่วมกับทาครีมบำรุงและครีมกันแดดที่อ่อนโยน อาจเสริมให้เร็วด้วยการทำทรีทเมนต์ที่อ่อนโยนที่สุดเพื่อผลัดผิวเก่าที่ดำคล้ำให้หายไปเร็วขึ้น และใช้เครื่องมือผลักยาที่ใช้รักษาให้เข้าสู่ใต้ผิวได้เร็วขึ้น ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ผลักยาได้ลึกขึ้นและได้ปริมาณยามากขึ้นกว่าไอออนโตฯ โดยไม่ต้องเจ็บตัวฉีด เพราะไม่ต้องใช้เข็ม คล้ำจากการมีรอยย่นรอบดวงตา ทำให้ผิวหนังมากองกันและดูสีคล้ำ เราก็ต้องแก้โดยการลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวตึงกระชับขึ้นครับ โดยการทายากลุ่มกระตุ้นการสร้างชั้นหนังแท้ ร่วมกับทาครีมบำรุงและครีมกันแดดที่อ่อนโยน อาจเสริมให้เร็วด้วยการและใช้เครื่องมือผลักยาที่ใช้รักษาให้เข้าสู่ใต้ผิวได้เร็วขึ้น , การฉีดสารโบทูลินั่มท๊อกซินช่วยลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าเช่นขณะยิ้ม เป็นต้น คล้ำเพราะมีเส้นเลือดดำ (ที่เห็นเป็นสีเขียวๆ)พาดผ่าน หรือจากเบ้าตามีผิวบาง ดูเว้าลึก อันนี้แก้ไม่ง่ายครับ เพราะเราคงไม่เอาเส้นเลือดออก แต่ทำให้ดูดีขึ้นได้ด้วยการเสริมสร้างผิวชั้นหนังแท้ให้หนาขึ้น เพื่อพรางรอยเส้นเลือดและทำให้รอบตาดูเต็มตื้น โดยการทายากลุ่มกระตุ้นการสร้างชั้นหนังแท้ ( แต่ต้องระวัง ! เพราะระคายเคืองแห้งแดงลอกได้เก่งมาก ) และมีวิจัยว่าการฉีดสารโบทูลินั่มท๊อกซินช่วยได้ (แต่ต้องให้แพทย์ฉีดเท่านั้นและอาจมีรอบตาดูนิ่งๆไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อยเวลายิ้มครับ) บางครั้งในผู้ที่เบ้าตาลึกมาก อาจต้องใช้สารเติมแต่ง filler ชนิดที่เหมาะสม ฉีดโดยใช้เทคนิคพิเศษเพื่อเติมและดึงผิวร่องน้ำตาให้ดูเต็มตื้นขึ้นมา วิธีนี้เร็วทันใจดีมาก แต่ตัว fillerจะอยู่ได้ 6-12 เดือนครับ (ค่าใช้จ่ายครั้งละ 9,000-12,500.-) ส่วนการใช้ concealerสีอ่อน…
หน้าใส, สารอาหาร, ชลอเหี่ยวย่อน, วิตามิน
ผิวหน้าดูสดใสตามสมัยนิยมขณะนี้ ก็คงต้อง ขาว, เนียน, เรียบ, เต่งตึงไร้ริ้วรอย ใช่มั้ยครับ สารอาหารเหล่านี้ก็คือ กลุ่มวิตามินและเกลือแร่จากผักและผลไม้เป็นหลัก และอย่าลืมโปรตีนจากนม, ถั่วและเนื้อสัตว์ช่วยสร้างเนื้อหนังด้วย วิตามินที่ช่วยให้ดูสดใสเพราะเป็นสารที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ ที่ก่อให้เกิดความแก่ก็คือ วิตามิน B, C และ E หรือที่เรียกว่าเป็นกลุ่มแอนตี้ออกซิแดนซ์นั่นเอง สามารถรับได้จากธรรมชาติ (ราคาถูก, ปลอดภัย ,เลือกหาได้ง่าย แต่ต้องบริโภคจำนวนมากเพื่อให้ได้สารอาหารที่ว่าครบถึงระดับที่จะออกฤทธิ์ได้ตามต้องการ) หรือรับจากอาหารเสริมสังเคราะห์ เช่น อาหารเสริมเป็นเม็ดที่ขายทั่วไป ( ราคาสูง, สะดวก, ไม่ต้องกินปริมาณมาก, มีมากมายเลือกใช้ไม่ค่อยถูก, อาจไม่เหมาะกับสภาพร่างกายหรือโรคประจำตัวของเรา, อาจไม่มีอันตรายแต่ได้ผลไม่คุ้มกับเงินที่จ่าย) สรุป : เลือกทานผักผลไม้ปลอดสารพิษที่มีขายทั่วไปน่ะดีแล้วครับ แต่ถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่าย, อยากสะดวกและได้ผลทันใจกว่านั้น น่าปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรในการเลือกอาหารเสริมที่ได้ผลตรงกับความต้องการของเราจริงโดยปราศจากข้อแทรกซ้อนครับ ขณะนี้มีเยอะมาก : สารทำให้ผิวขาว เช่น กลูตาไธโอน ,สารสกัดจากเปลือกสน ฯลฯ , ส่วนสารชะลอการเกิดริ้วรอย เช่น สารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำเงิน , สารสกัดจากปสาทะเลน้ำลึก ฯลฯ…
Day cream, Night cream, complex, ครีม, ปัญหาความงาม
Day cream ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของ Moisturizer ชนิดเบาบางครับ เพื่อไม่ให้เหนอะหนะระหว่างวัน และบางชนิดก็อาจผสม whitening และ sun screen ด้วย Night cream ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของ Moisturizer ชนิดเข้มข้น และบางชนิดก็ผสมครีมลดริ้วรอยลงไปด้วย ส่วน complex ที่ใช้ได้ทั้งกลางวันกลางคืน ก็จะมีส่วนผสมแบบกลางๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความสะดวกสบายและยังไม่มีปัญหาของผิวหน้ามากมายครับ สรุป : ถ้าให้เปรียบเทียบ ( แต่ต้องในแบรนด์เดียวกัน ส่วนผสมกลุ่มเดียวกันนะครับ ) ครีมชนิดแยกก็จะได้ผลดีกว่าครับแต่ครีมที่ดีที่สุด คือครีมที่แก้ปัญหาที่แต่ละคน มีอย่างตรงจุดมากกว่าครับ สำหรับ Day cream และ Night cream ถือเป็น ครีมพื้นฐานทั่วๆไปครับ ตอบคำถามโดย นพ.วิษณุ ประเสิรฐสม Madicare Clinic
แพ้ครีม, การแพ้, ปัญหาความงาม
ประการแรก – แน่ใจมั้ยครับว่า แพ้ครีมตัวที่ใช้เป็นประจำนี้ น้องเปิ้ลลองนึกดูในระยะ 1 สัปดาห์ย้อนหลังไปนะครับ ว่าได้สัมผัสอะไรอย่างอื่นใหม่ๆ เช่น สบู่หรือน้ำยาล้างหน้า, น้ำยาสระผม, เจลหรือมูสใส่ผม หรือแม้แต่น้ำยาทาเล็บบนนิ้วมือที่อาจมาสัมผัสผิวหน้าบ้างหรือเปล่า ประการที่สอง – โอกาสที่จะแพ้ครีมที่ใช้มาเป็นปีก็เป็นไปได้ครับ แต่โอกาสจะน้อย อธิบายได้อย่างนี้ครับ “การแพ้” แบ่งให้เข้าใจง่ายๆเป็น 2 แบบ : แบบแรก “แพ้ระคายเคือง” มักเกิดจากสัมผัสสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆหรือสารก่อระคาย เช่น ครีมทาละลายสิวอุดตัน , ครีมลดริ้วรอยกลุ่มกรดวิตามินเอ, น้ำยาทรีทเมนต์ AHA, BHA , น้ำยาฆ่าเชื้อแต้มสิวอักเสบ เป็นต้น แต่การแพ้แบบนี้แก้ไขไม่ให้เกิดอาการแพ้อีกได้ โดยการทำให้ผิวแข็งแรงชุ่มชื่นพอ ก็อาจสามารถกลับมาใช้ครีมเหล่านี้ได้อีกโดยไม่ระคายเคืองแล้วครับ ส่วนการแพ้อีกแบบคือ “แพ้ภูมิแพ้” เกิดจากร่างกายสร้างสารเคมีขึ้นมาต่อต้านสิ่งที่ร่างกายไม่ยอมรับ ซึ่งสิ่งนั้นอาจไม่มีฤทธิ์ก่อระคายใดๆด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆเช่น การแพ้กุ้ง, แพ้ยาบางตัว หรือแพ้ครีมบำรุงผิวธรรมดาบางอย่าง ต่อให้เรามีผิวที่แข็งแรงแล้วกลับมาทาครีมบำรุงตัวนี้อีกก็ยังจะแพ้อยู่ดีครับ ดังนั้นถ้าอยู่ดีๆ(จริงๆ) แล้วเกิดแพ้ครีมที่ใช้มานานเป็นปี ก็อาจเกิดจากการที่ช่วงนี้ผิวอ่อนแอกว่าปกติหรือเปล่าครับ เช่น ผิวหลังโดนแดดมากๆจนลอกไหม้…
สิว, สิวที่หลัง, รักษาสิว
ยาแก้สิวที่หน้า สามารถนำมาทาที่ตัวได้อยู่แล้วครับ แต่เปลืองยาและเปลืองตังค์ครับ ทาที่แผ่นหลัง – วันสองวันสงสัยหมดหลอดแล้วครับ (แต่ยาทาสิวที่หลัง – เอามาทาหน้าไม่ได้นะครับ)ยาทาสิวที่หลัง – ตำราดั้งเดิม ถ้าเอาแบบครบสูตร ก่อนอาบน้ำก็จะให้ฟอกหลังด้วยสบู่เหลวที่มีส่วนผสมของ benzoyl peroxide ทิ้งไว้ 5-20 นาที ( ก็คือ ยาครีมละลายสิวอุดตันที่ทาหน้าทิ้งไว้ก่อนล้างหน้าออกนั่นแหละครับ) แล้วก็ไปอาบน้ำออก หลังเช็ดตัวก็อาจใช้น้ำยาใสฆ่าเชื้อ clindamycin แต้มหรือทาหัวสิว รอให้แห้ง แล้วใช้แป้งน้ำที่มีส่วนผสมของกำมะถันและกรดอ่อนๆทาไปให้ทั่วหลังที่เป็นสิว ช่วยทำให้สิวแห้ง และลอกผิวชั้นบนให้หัวสิวหลุด – ถ้าสมัยนี้ให้สะดวกขึ้นก็จะใช้ยาหลอดเดียวที่มีฤทธ์โดยรวมในการรักษาสิวทาหลังอาบน้ำเช้า-เย็นเลย เป็นยาที่มีชื่อเคมีว่า Adapalene แต่ทั้ง 2 วิธีนี้ ทำให้ผิวแห้งได้มากๆชนิดตึงและคันหลังเอาการทีเดียวครับ อาจต้องมีครีมบำรุงช่วย แต่ถ้าสิวรุนแรง-ยาทาอย่างเดียวก็เอาไม่อยู่ เสียเวลาเสียเงินค่ายาทาไม่คุ้ม แถมการรักษาช้าอาจได้แผลเป็นติดหลังไปตลอด ถ้าได้รับประทานยาปฏิชีวนะด้วยจะหายเร็วประหยัดเงินและเวลากว่าเยอะ ยังไงปรึกษาแพทย์ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษาก็ได้ครับ ว่าจำเป็นต้องใช้ยารับประทานหรือไม่ เพื่อจะได้หนทางที่ปลอดภัย , สวย , เร็ว , ประหยัด และคุ้มค่าที่สุดครับ ตอบคำถามโดย นพ.วิษณุ…
Day Cream, ครีมกันแดด, Eye Cream, ริ้วรอยเหี่ยวย่น, moisturizer
Day cream ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม moisturizer (ครีมเพิ่มความชุ่มชื่น) แต่ day creamบางชนิดก็อาจเติม whitening (ครีมปรับสีผิวขาวใส) หรือ sun screen (ครีมกันแดด) อ่อนๆลงไปด้วย ดังนั้นการใช้ day cream และ ครีมกันแดดทุกวันนั้น ถูกต้องแล้วครับ แต่มีบางตำราเขียนไว้ว่า เมื่ออายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป คนเราจะเริ่มเผชิญกับปัญหาของความแก่ คือ “ริ้วรอยเหี่ยวย่น ” โดยในระยะแรกจะยังไม่รู้ตัวเพราะยังมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เนื่องจาก collagen ในผิวชั้นหนังแท้ของมนุษย์ จะค่อยๆเริ่มเสื่อมสภาพ และลดลงปีละประมาณ 1% เริ่มตั้งแต่อายุ 25 ปีครับ และผิวหนังบริเวณที่จะฟ้องให้เห็นปัญหาเป็นที่แรก ก็คือผิว “รอบดวงตา” เพราะเป็นบริเวณที่มีชั้นหนังแท้บางที่สุดของร่างกายครับ ซึ่งครีมกลุ่มลดริ้วรอยก็จะช่วยลดปัญหานี้ แต่ “ครีมลดริ้วรอย” ที่ว่านี้ ก็ต้องเป็นครีมที่สามารถลดริ้วรอยเหี่ยวย่นจากปัญหาของชั้นหนังแท้ที่เสื่อมจริงๆ นะครับ ไม่ใช่ครีมบำรุงหรือ moisturizer ทั่วไป ที่อาจช่วยลดได้เพียงความเหี่ยวที่เกิดจากความแห้งของผิวหนังเท่านั้น ไม่สามารถช่วยลดปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นจากความเสื่อมของ collagen…
สิว, สิวอุดตัน, สิวอักเสบ, ล้างหน้า
ถ้าผิวเดิมของเรามี “สิวอุดตัน” ซ่อนอยู่ แล้วเราล้างหน้าแรงๆไปรบกวนเจ้าสิวอุดตันซึ่งเป็นตัวต้นกำเนิดของสิวอักเสบ ก็จะทำให้สิวอุดตันเกิดการอักเสบกลายเป็น “สิวอักเสบ” บวมแดงได้ครับสิวอุดตัน คือ เม็ดที่คลำได้เป็นตุ่มเล็กๆใต้ผิว ยังไม่มีการบวมแดง ส่วนใหญ่ไม่เห็นรูเปิด, หัวสีขาวหรือเห็นเป็นสีผิว แต่ถ้ามีรูเปิดจะเห็นจุดรูเปิดสีดำเล็กๆ บางตุ่มอาจมองไม่เห็น ต้องคลำจึงจะรู้สึก มักจะยังไม่เจ็บ ถ้าเริ่มเจ็บแปลว่าจะเริ่มอักเสบแล้วครับ พยายามอย่าให้อักเสบนะครับ เพราะถ้ากลายเป็นสิวอักเสบ คือมีปวด บวม แดง ร้อน เมื่อไร ก็แปลว่าเรากำลังจะได้ร่องรอยที่เห็นชัด,หายยากและอยู่กับเรานานตามมา มีทั้งรอยดำ (เกิดตามหลังสิวที่อักเสบบวมแดงไม่มากและไม่ลึก – หายเองได้ แต่นาน 1-6 เดือน) , รอยหลุม (เกิดตามหลังสิวอักเสบเม็ดโตหรือสิวหัวช้าง มีการทำลายลึกถึงชั้นหนังแท้ มักเป็นแผลเป็นหลุมไปตลอดชีวิตถ้าไม่รักษา แต่ทุกวันนี้มีหลายวิธีในการรักษาหลุมสิวซึ่งยังไม่เร็วทันใจอยู่ดี) และ รอยนูน (สาเหตุคล้ายการเกิดรอยหลุม แต่กลไกของร่างกายตอบสนองโดยการพยายามสร้าง collagen ขึ้นมาชดเชย แต่สร้างมากเกินไป จึงเกิดเป็นรอยนูน มักเป็นแผลเป็นไม่หายเอง รักษาโดยการกรอหรือฉีดรอยนูนให้ราบหรือทำเลเซอร์พีล) สรุป : ถ้าล้างหน้าบ่อยๆ แต่เบาๆ และผิวเราไม่ได้มีสิวอุดตันซ่อนอยู่ ก็ไม่น่าทำให้เกิดสิวครับ แต่จะไปล้างบ่อยๆให้ผิวแห้งทำไมล่ะครับ…