ผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารนอกบ้าน หรือแม้กระทั่งอาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งหลาย คงจะเคยเกิดอาการชา หรือร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้น หลังรับประทานอาหารมาบ้างแล้ว อาการที่เกิดขึ้นนี้ คืออาการแพ้ผงชูรสครับ และเพราะอาการที่เกิดขึ้นเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หลาย ๆ คนจึงไม่ใส่ใจเท่าที่ควร แต่ทราบหรือไม่ว่าพิษภัยจากผงชูรสนั้นมีมากมาย และไม่ได้เพียงแต่ทำให้ปากหรือลิ้นชาเท่านั้น ในรายที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง จะรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก และอาจมีผื่นแดงขึ้นตามตัวได้
นอกจากอาการแพ้อย่างเฉียบพลันตามอาการที่เกิดขึ้นข้างต้นแล้ว ถ้าคุณยังคงรับประทานอาหารที่มีปริมาณผงชูรสผสมอยู่เป็นจำนวนมาก ๆ และบ่อยครั้ง ก็ย่อมเกิดอันตรายต่อสุขภาพของตัวคุณได้ ดังนี้
- ระบบประสาทตาถูกทำลาย ทำให้สายตาเสียหรือบอดได้
- ระบบกระดูกและไขกระดูกถูกทำลาย ซึ่งระบบนี้เป็นส่วนสำคัญในการผลิตเม็ดเลือดแดงภายในร่างกาย เมื่อระบบถูกทำลาย การผลิตเม็ดเลือดแดงก็เสื่อมประสิทธิภาพลง ทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้
- ผงชูรสทำให้วิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี 6 ทำให้เป็นโรคผิวหนังได้ง่าย
- ระบบสมองส่วนหน้า ที่ควบคุมการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ถูกทำลาย ทำให้การเจริญเติบโตช้าและเป็นหมันได้
- ระบบประสาทส่วนกลางถูกทำลาย ทำให้เกิดโรคประสาทได้ง่ายขึ้น
- เสี่ยงต่อการเกิดภาวะปัญญาอ่อน เนื่องจากผงชูรสทำให้เกิดน้ำในสมองและทำให้ทารกมีอาการชักได้
- สำหรับสตรีมีครรภ์ ผงชูรสจะทำให้โครโมโซมของทารกในครรภ์มีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตหรือพิการได้ เช่นมีสมองอยู่นอกกะโหลกศีรษะ ปากแหว่ง แขนหรือขาผิดปกติ
- ผงชูรสถือเป็นสารก่อมะเร็งอีกตัวหนึ่ง เพราะเมื่อถูกนำไปปรุงด้วยการสัมผัสกับความร้อนในอุณหภูมิสูง เช่น การปิ้ง ย่าง หรือเผา โครงสร้างของสารเคมีในผงชูรสที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาก็จะเปลี่ยนแปลงไป
การปรุงอาหารรับประทานกันเองที่บ้านนอกจากจะช่วยสร้างกิจกรรมภายในครอบครัวแล้ว ยังสามารถควบคุมคุณภาพอาหารได้อีกด้วย แต่ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องรับประทานอาหารนอกบ้านเป็นประจำแล้วล่ะก็ ทางออกที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้คือ การระบุไม่ให้แม่ครัวใส่ผงชูรสลงไปในอาหาร และหลีกเลี่ยงน้ำซุปที่ให้บริการคู่กันมา เพราะเป็นแหล่งรวมผงชูรสที่มากที่สุดแหล่งหนึ่ง
สวัสดีครับ/ค่ะ! ผม/ดิฉันเป็นหมอที่เชี่ยวชาญในด้านการแพทย์ครับ/ค่ะ ประสบการณ์ของผม/ดิฉันเกี่ยวข้องอย่างแน่นหนากับความตั้งใจในการช่วยเหลือคน และผม/ดิฉันได้ค้นพบทางที่จะใช้พรสวรรค์ทางภาษาของผม/ดิฉันในการทำเช่นนั้น ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของผม/ดิฉันได้เปิดโอกาสให้ผม/ดิฉันไม่เพียงแต่ทำงานกับผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังแบ่งปันความรู้และข้อมูลผ่านการเขียนบทความข่าวสาร
ผม/ดิฉันชื่อ Ananda Niran (อนันดา นิรันดร์) และการเดินทางในวงการแพทย์ของผม/ดิฉันเริ่มต้นมานานแล้ว ผม/ดิฉันได้รับการศึกษาที่มหิดลศาสตร์ และตั้งใจที่จะให้ความสุขและความเจริญสบายในสุขภาพกับผู้ป่วย ประสบการณ์การทำงานของผม/ดิฉันรวมถึงการปฏิบัติงานในหลากหลายสถานบริการทางการแพทย์ ที่นั่นผม/ดิฉันมีหน้าที่วินิจฉัย รักษา และดูแลผู้ป่วยที่มีโรคหลากหลาย
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป ผม/ดิฉันเข้าใจว่าสิ่งสำคัญไม่ได้เพียงแค่การช่วยเหลือผู้ป่วยแต่เพิ่มเติมด้วยการกระจายข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มคนใหญ่ ในโลกที่มีข้อมูลทางการแพทย์มากมาย ผม/ดิฉันตัดสินใจที่จะเข้าร่วมมีส่วนร่วมโดยใช้ความรู้และทักษะทางภาษาของผม/ดิฉัน จึงเริ่มเขียนบทความข่าวสารเกี่ยวกับความก้าวหน้าล่าสุดในการแพทย์ โรคต่าง ๆ การป้องกัน และรูปแบบการดำเนินชีวิต
ความหลงไหลในการเขียนช่วยให้ผม/ดิฉันสามารถอธิบายคำศัพท์และความคิดทางการแพทย์ที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ผม/ดิฉันพยายามให้ความสำคัญและรับผิดชอบต่อทุกบทความ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีประโยชน์ ที่สามารถช่วยเหลือคนในการดูแลสุขภาพของตน
พลังประสิทธิ์ของผม/ดิฉันคือที่ทำให้ข้อมูลทางการแพทย์เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนใส่ใจกับความเจริญสุขของตนเอง บทความข่าวสารทุกเรื่องเป็นโอกาสที่จะแบ่งปันความรู้และช่วยเหลือคนที่กำลังมองหาข้อมูลทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ นี่คือเสถียรภาพของผม/ดิฉัน และผม/ดิฉันภาคภูมิใจที่สามารถให้ความช่วยเหลือและแรงบันดาล
ใจในโลกของสายการแพทย์นี้ได้