ฮกเซียนตั๋ว ตำหนักเทพเจ้าแห่งโชคลาภ
เมื่อเร็ว ๆ นี้พื้นที่บริเวณหน้าตลาดสดบันซ้านย่านป่าตองมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น คนที่ไม่ได้ผ่านเส้นทางนั้นบ่อย ๆ อาจไม่เคยเห็น แต่ถ้าวันนี้แวะผ่านไปคุณจะพบว่าเวลานี้พื้นที่ว่างนั้นมีศาลเจ้าขนาดเล็กแห่งหนึ่งปรากฏเป็นที่เคารพบูชาของผู้ผ่านไปผ่านมา
ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยความตั้งใจของลูกหลานชาวภูเก็ตเพื่อตอบแทนความศรัทธาที่สั่งสมมาหลายปี ภูเก็ตบูลเลทินมีโอกาสรับทราบเรื่องราวนั้น จึงขอหยิบยกมาเล่าให้คุณผู้อ่านได้รับทราบกัน
ฮกเต็กเจี้ยซิน เทพผู้ทรงเกียรติและคุณธรรม
ศาลเจ้าแห่งนี้ชื่อว่า ‘ฮกเซียนตั๋ว’ แปลว่า ‘ตำหนักเทพเจ้าแห่งโชคลาภ’ คำว่า ‘ตั๋ว’ แปลเป็นภาษาไทยว่า ‘บ้าน (ที่เป็นส่วนตัว) ‘ หรือเรียกอย่างยกย่องว่า ‘ตำหนักส่วนตัว’ เป็นที่สถิตย์องค์เทพเจ้าแต่ละองค์หรือองค์หนึ่งองค์ใดโดยเฉพาะต่างจาก ‘อ๊าม’ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเป็นที่สถิตย์เทพเจ้าหลายองค์
เมื่อถามถึงเจ้าของบ้าน คุณจะพบกับรูปเคารพของชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวยาวสลวย ขนคิ้วยาวเหมือนปุยฝ้าย ใบหน้าสีชมพูอิ่มเอิบ มือขวาถือคทาหยก มือซ้ายถือทองคำ แต่งกายแบบขุนนางจีนสมัยโบราณ
บางทีชาวจีนฮกเกี้ยนภูเก็ตนิยมเรียกท่านว่า ‘ปุนเถาก๋ง’ ซึ่งมีความหมายว่า เจ้า (ของ) ที่ (ดิน) ซึ่งจริง ๆ แล้วท่านมีชื่อเต็มว่า ‘ฮกเต็กเจี้ยซิน’ แปลว่า ผู้ทรงเกียรติและคุณธรรม
เดิมในสมัยจักรพรรดิเจินจู ท่านเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งซึ่งสมัครใจเดินทางท่องทะเลไปยังดินแดนฝ่ายตะวันตก เอาชนะอุปสรรคนานัปการประการจากการเดินเรือหลายต่อหลายครั้งจนได้รับความรุ่งเรืองมั่งคั่งแบบที่ไม่สามารถหาใครเหมือน เรื่องราวของท่านกลายเป็นที่โจษจันของชาวเรือมากมาย ครั้นเมื่อเสียชีวิตลง ศพของท่านถูกฝัง ณ เมืองหนานถึงเหมิน ชาวเรือที่ผ่านไปผ่านมาจะแวะเคารพศพท่านอยู่เสมอ รวมทั้งรับเอารูปตัวแทนพกติดไปด้วยเพื่อเป็นนิมิตแห่งโชคลาภ
ความเชื่อที่ได้รับการสืบทอดเช่นนั้นแสดงออกผ่านรูปเคารพของท่านที่มือซ้ายถือทองคำ บ่งบอกถึงโชคลาภ ขณะที่มือขวาถือคทาหยกแทนถึงความสำเร็จ กลายเป็นที่สักการะในฐานะเทพผู้บันดาลสิ่งเหล่านี้ให้แก่ผู้ที่เคารพบูชาในที่สุด
ตำหนักเทพเจ้าแห่งโชคลาภ
วันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ตำหนักฮกเซียนตั๋วได้ฤกษ์เปิดอย่างเป็นทางการ
ศาลเจ้าแห่งนี้มีลักษณะเป็น 2 หลังติดกัน หลังด้านหน้าเปิดโล่งเป็นที่ตั้งของ ‘ทีกงเต็ก’ หรือแท่นบูชาฟ้าดิน โดยมีรูปองค์เทพเจ้า “ลี้โลเชี้ย” ประจำอยู่ที่กระถางธูป ในส่วนนี้ยังมี เสาหลัก 4 ต้นสลักด้วยลวดลายมังกรพันเสาที่ดูองอาจทว่างดงาม อีกหลังเป็นที่ตั้งแท่นบูชาและรูปสลักขององค์ ‘ฮกเต็กเจี้ยซิน’ รวมถึงองครักษ์ฝ่ายบุ๋น-บู๊ ของท่านซึ่งขนาบทั้งซ้ายและขวา
งานจิตรกรรมภายในจะมีรูปของเสือ เนื่องจากเชื่อกันว่าเป็นพาหนะขององค์เทพ นอกเหนือจากนั้นจะเป็นรูปภาพที่หยิบยกเรื่องราวบางฉากบางตอนอันเป็นมงคลของพงศาวดารจีนมาเล่า
ช่วงบนหลังคาโดดเด่นด้วยงานปั้นเคลือบเซรามิคที่สะท้อนแสงแวววาวอลังการ ทั้งมังกรคู่ หงส์คู่ กิเลนคู่ รวมถึงเถาพืช (ฉอบ๊วย) ที่ประดับอยู่ริมหลังคา
ในการออกแบบ ขนาดและสัดส่วนนอกจากต้องเป็นไปได้ตามหลักความเป็นจริงแล้ว ความยากที่เหนือชั้นในการสร้างศาลเจ้าคือสัดส่วนของอะไรก็ตามที่คิดเป็นตัวเลขได้ ต้องคำนวณให้อยู่ในระยะที่กำหนดไว้ในตำราการสร้าง ว่าเป็นช่วงที่มีความหมายมงคล เช่น หากระยะของอะไรก็ตามอยู่ในช่วง 106-107.3 ซม. จะมีความหมายว่า ‘การค้าเจริญ’ ช่วง 197-198 ซม. คือ ‘ร่ำรวยมีเกียรติ’ ฯลฯ ทุกส่วนทุกระยะต้องมีความหมาย ไม่ว่าจะเป็นความสูงของประตู ระยะห่างของเสา กระทั่งผลรวมของทุกอัตราส่วนยังต้องเป็นมงคล หากลองนับมังกรที่มีอยู่มากมายในศาล ไม่ว่าจะเป็นมังกรปั้น มังกรพันเสา มังกรหัวเสา มังกรในรูปภาพ คุณจะพบว่ามีมังกรกว่า 30 ตัว มังกรคู่บนหลังคาอยู่ในท่าคว่ำกรงเล็บ เนื่องมาจากเชื่อว่าหากยกกรงเล็บเข้าใส่กัน จะหมายถึงความไม่สงบ เพราะคล้ายมังกรที่พร้อมจะต่อสู้กันตลอดเวลา รอบผนังด้านนอกของศาลจะมีอักษรจีนตัวใหญ่ตัวหนึ่งแปะอยู่ อักษรนั้นคือคำว่า ‘ฮก’ มีความหมายว่า ‘วาสนา’ ริมผนังอีกเช่นกัน ตามมุมจะมีรูปปั้นนูนของค้างคาวแปะอยู่ ค้างคาวในภาษาจีน ออกเสียงว่า ฝู หรือ ฮก ซึ่งมีความหมายว่าวาสนาเช่นกัน
ที่นี่จึงกลายเป็น ฮกเซียนตั๋ว ตำหนักเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ที่สร้างด้วยแรงศรัทธา รอผู้ที่ศรัทธามากราบไหว้ การก่อสร้างที่คำนึงถึงทุกรายละเอียด ทำให้ที่นี่สวยงาม และน่าเลื่อมใสยิ่ง
ที่ตั้ง
ด้านหน้าตลาดบ้านซ้าน ป่าตอง
เรื่องอื่น ๆ
สวัสดีครับ/ค่ะ! ผม/ดิฉันเป็นหมอที่เชี่ยวชาญในด้านการแพทย์ครับ/ค่ะ ประสบการณ์ของผม/ดิฉันเกี่ยวข้องอย่างแน่นหนากับความตั้งใจในการช่วยเหลือคน และผม/ดิฉันได้ค้นพบทางที่จะใช้พรสวรรค์ทางภาษาของผม/ดิฉันในการทำเช่นนั้น ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของผม/ดิฉันได้เปิดโอกาสให้ผม/ดิฉันไม่เพียงแต่ทำงานกับผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังแบ่งปันความรู้และข้อมูลผ่านการเขียนบทความข่าวสาร
ผม/ดิฉันชื่อ Ananda Niran (อนันดา นิรันดร์) และการเดินทางในวงการแพทย์ของผม/ดิฉันเริ่มต้นมานานแล้ว ผม/ดิฉันได้รับการศึกษาที่มหิดลศาสตร์ และตั้งใจที่จะให้ความสุขและความเจริญสบายในสุขภาพกับผู้ป่วย ประสบการณ์การทำงานของผม/ดิฉันรวมถึงการปฏิบัติงานในหลากหลายสถานบริการทางการแพทย์ ที่นั่นผม/ดิฉันมีหน้าที่วินิจฉัย รักษา และดูแลผู้ป่วยที่มีโรคหลากหลาย
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป ผม/ดิฉันเข้าใจว่าสิ่งสำคัญไม่ได้เพียงแค่การช่วยเหลือผู้ป่วยแต่เพิ่มเติมด้วยการกระจายข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มคนใหญ่ ในโลกที่มีข้อมูลทางการแพทย์มากมาย ผม/ดิฉันตัดสินใจที่จะเข้าร่วมมีส่วนร่วมโดยใช้ความรู้และทักษะทางภาษาของผม/ดิฉัน จึงเริ่มเขียนบทความข่าวสารเกี่ยวกับความก้าวหน้าล่าสุดในการแพทย์ โรคต่าง ๆ การป้องกัน และรูปแบบการดำเนินชีวิต
ความหลงไหลในการเขียนช่วยให้ผม/ดิฉันสามารถอธิบายคำศัพท์และความคิดทางการแพทย์ที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ผม/ดิฉันพยายามให้ความสำคัญและรับผิดชอบต่อทุกบทความ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีประโยชน์ ที่สามารถช่วยเหลือคนในการดูแลสุขภาพของตน
พลังประสิทธิ์ของผม/ดิฉันคือที่ทำให้ข้อมูลทางการแพทย์เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนใส่ใจกับความเจริญสุขของตนเอง บทความข่าวสารทุกเรื่องเป็นโอกาสที่จะแบ่งปันความรู้และช่วยเหลือคนที่กำลังมองหาข้อมูลทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ นี่คือเสถียรภาพของผม/ดิฉัน และผม/ดิฉันภาคภูมิใจที่สามารถให้ความช่วยเหลือและแรงบันดาล
ใจในโลกของสายการแพทย์นี้ได้