เต๊กกากี่ และผองเพื่อนถั่วเหลือง – ฟองเต้าหู้, โปรตีน, ถั่วเหลือง, ภูเก็ต, phuket

     “เต๊กกากี่” ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวจีนในภูเก็ตใช้เรียกนี้ ไม่ใช่ชื่ออาหาร แต่เป็นชื่อของผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอย่างหนึ่งที่ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหาร โดยคนทั่วไปรู้จักกันในชื่อ ฟองเต้าหู้ นั่นเอง ซึ่งเต๊กกากี่ที่ว่านี้ได้มาจากการที่เมื่อทำน้ำเต้าหู้ จะมีน้ำนมเต้าหู้ลอยขึ้นมาจับตัวเป็นแผ่น แล้วมีการนำไปตากหรืออบจนแห้ง ก่อนจะออกมาเป็นเต๊กกากี่อย่างที่เห็น ซึ่งเต๊กกากี่นี้ คนจีนภูเก็ตเขาเอามาใส่ในอาหารหลายเมนู อาทิ แกงจืดกระดูกหมู แกงจืดวุ้นเส้น หมูฮ้อง ผัดเผ็ดใส่กุ้ง ใส่หมู หรือแม้แต่แกงไตปลา เรียกว่าทั้งแกงเผ็ด แกงจืด เต๊กกากี่ก็ไปอยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครัวปุ้นเต่เสมอมา

     เขียนถึงไปแล้ว ถ้าใครเกิดอยากทำเมนูที่มีเต๊กกากี่ขึ้นมา ก็สามารถไปหาซื้อได้ตามร้านในตลาดสด หรือไม่ก็ร้านขายของชำที่ขายพวกเครื่องเทศ เครื่องพะโล้ ราคาก็ไม่แพง ซื้อมาแล้วจะเห็นว่าเป็นแผ่นสีเหลืองย่นๆ ดูแห้งกรอบ ไม่น่าจะเอามาทำกับข้าวได้ แต่ไม่ต้องกังวล ให้เอาลงไปแช่ในน้ำสักพัก แล้วจากที่แห็งแข็ง ก็จะกลายเป็นอ่อนนุ่มพร้อมที่จะเอาขึ้นมาทำกับข้าวได้ทันที ที่สำคัญเป็นกับข้าวเพื่อสุขภาพ แบบได้โปรตีนไปแบบเต็มๆ

     ว่าแล้วก็ขอแถมท้ายสักหน่อยว่า คนภูเก็ตนี้แม้ว่าจะโชคดีมีกุ้ง หอย ปู ปลา ไว้เป็นแหล่งโปรตีนไม่เคยขาด แต่คนบ้านเราก็ไม่เคยลืมที่จะนำบรรดาผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากถั่วเหลืองอื่นๆ มาเป็นส่วนหนึ่งในอาหารด้วยเช่นกัน มีทั้งคาว ทั้งหวาน อาทิ เต้าหู้อ่อน เต้าหู้แข็ง เต้าหู้หลอด เต้าหู้เหลือง น้ำเต้าหู้ เต้าฮวย และถ้าใครที่คุ้นเคยกับครัวภูเก็ตจริงๆ ก็จะรู้อีกอย่างว่า แม้แต่เครื่องปรุงรส คนบ้านเราก็ยังนิยมใช้ซีอิ๊วขาวซึ่งทำมาจากถั่วเหลืองมากกว่าที่จะใช้น้ำปลาอีกด้วย เรียกว่าถ้าลองสังเกตสำรับกับข้าวบนโต๊ะให้ดี จะพบอาหารจากถั่วเหลืองไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งบนเมนูบ้านเรา ถ้าอย่างนั้นแล้ว เมนูหน้า อย่าลืมให้ เต๊กกากี่ หรือ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอื่นๆ มาอยู่ในรายการโปรดของบ้านคุณด้วย

เกร็ดความรู้ : ถั่วเหลืองได้รับยกย่องว่าเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์ เพราะไม่เพียงมีโปรตีนที่มากกว่าเนื้อสัตว์โดยรวมถึงเกือบ 1.5 เท่าแล้ว แต่ในถั่วเหลืองยังมีแคลเซียมที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ช่วยการทำงานของระบบประสาท และจุดเด่นที่สำคัญคือเส้นใยอาหาร ซึ่งมีผลดีต่อระบบขับถ่าย ช่วยในการดูดซับสารพิษ และช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลได้ดีกว่าเนื้อสัตว์ นอกจากนี้ในถั่วเหลืองยังอุดมด้วยคุณค่าอีกมากมาย อาทิเช่น วิตามินอีและกรดไขมันจำเป็น ที่จะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส รวมทั้ง เลซิทิน (Lecithin ) สารประกอบของฟอสฟอรัสกับไขมัน ที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดแข็งตัว โรคหัวใจ และช่วยบำรุงสมอง ล่าสุด ยังพบสารที่มีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเพศหญิงที่ชื่อ ซอยไอโซฟลาโวนส์ ( Soy lsoflavones ) ซึ่งช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของโรคกระดูกพรุน ลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง รวมถึงลดอาการบางอย่างอันเนื่องมาจากฮอร์โมนขาดหายหรือผิดปกติเช่น ความรู้สึกไม่สบายตัว และอาการหงุดหงิดของผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน