ภาวะโลกร้อน หรือ Global
Warming ได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตคนในปัจจุบันเป็นอย่างมาก
ที่เห็นได้ชัดคือ ความร้อนจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น
พร้อมกับความเข้มของแสงที่สามารถส่งผ่านทั้งรังสียูวีเอ
และรังสียูวีบี อันเป็นสาเหตุของปัญหาผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นอาการที่แสดงออกแบบเฉียบพลัน
คือผิวแดง ไหม้ หมองคล้ำ หรือที่เรียกกันว่า “อาการแพ้แดด”
หรือจะส่งผลในระยะยาวกับผู้ที่ได้รับแสงแดดติดต่อกันเป็นเวลานาน
คือปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยเหี่ยวย่น หรือ ท้ายที่สุดคือ
“มะเร็งผิวหนัง”
ปัญหาดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจและหาวิธีป้องกัน
และหนึ่งในทางออกนั้น คือการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด
นั่นเอง
พ.ท.นพ.วิษณุ
ประเสริฐสม ประธานกรรมการบริหารคลินิกเวชกรรมเมดิแคร์
ได้ให้ข้อมูลหลังการแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์ “ครีมกันแดด”
แก่นักท่องเที่ยวในตัวเมืองพัทยา ถึงการใช้ชีวิตกลางแจ้งอย่างถูกวิธีว่า
แสงแดดในช่วงเช้าและบ่ายมีประโยชน์ต่อร่างกายในกระบวนการสังเคราะห์วิตามินดี
แต่ในขณะเดียวกันช่วงเวลา 11.00-14.00 น. ถือเป็นช่วงเวลาวิกฤตที่แสงแดดมีอันตรายอย่างที่สุด
ดังนั้น หากมีความจำเป็นที่จะต้องทำงานหรือเล่นกีฬากลางแจ้งในช่วงเวลาดังกล่าว
นอกจากจะต้องเลือกเครื่องแต่งกายที่มิดชิด โทนสีอ่อนแล้ว
การเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด ให้เหมาะกับสภาพผิวก็มีความจำเป็นไม่แพ้กัน
ครีมกันแดดมี 2 ชนิด คือ
1. แบบป้องกันโดยการสะท้อนแสง (Physical Sun Screen) การเลือกใช้ส่วนประกอบ เช่นซิงก์ ออกไซด์ (Zinc Oxide) แมกนีเซียมออกไซด์ (Magnesium Oxide) หรือ ไททาเนียมไดออกไซด์ (Titaniumdioxide) เป็นต้น ซึ่งส่วนประกอบดังกล่าวมีคุณสมบัติในการเป็นเกราะสะท้อนไม่ให้รังสียูวีทำร้ายผิวได้โดยตรง เพราะจะไม่ซึมซาบเข้าสู่ผิว จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แต่จะทำให้หน้าขาวดูไม่เป็นธรรมชาติ ทั้งยังเหนียวเหนอะหนะ ไม่เป็นที่นิยม |
|
2. แบบป้องกันโดยการดูดกลืนแสง (Chemical Sunscreen) การเลือกใช้ส่วนประกอบ เช่น พาบา (Paba) แอนทรานิเลต (Anthranilate) หรือเบนโซฟีโนน (Benzophenone) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นตัวดูดกลืนไม่ให้แสงมาทำอันตรายต่อผิวได้ ไร้สี ทาหน้าไม่ขาว แต่ข้อเสียคือ เนื่องจากสารดังกล่าวสามารถซึมสู่ผิวหนัง อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองในกลุ่มผู้มีผิวแพ้ง่าย หรือ Sensitive Skin |
ครีมกันแดดที่วางจำหน่ายในท้องตลาด
มีส่วนประกอบที่คล้ายคลึงกันจะต่างกันตรงที่ค่า SPF หรือ
Sun Protection Factor ซึ่งเป็นค่าประมาณ “ระยะเวลา”
ที่ผลิตภัณฑ์สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้ เช่น หลังจากที่คุณอยู่กลางแจ้งเป็นเวลา
20 นาที ผิวคุณจะมีปฏิกิริยาจากแสงแดด คือ ร้อนแสบแดง
ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF
15 จะช่วยยืดระยะเวลาดังกล่าวออกไปได้ประมาณ
300 นาที หรือ 5 ชั่วโมงนั่นเอง
คุณหมอวิษณุ ยังกล่าวว่ามีคนไข้หลายท่านของ เมดิแคร์คลินิก
ที่ยังมีทัศนะคติที่ผิดเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด
คนไข้ของเมดิแคร์
มีจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจว่า หลังการใช้ครีมกันแดดที่มีค่า
SPF 15 และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของครีมกันแดดได้
เป็น SPF 45 ซึ่งจริงๆแล้วเป็นความเข้าใจที่ผิด ค่า SPF
ไม่สามารถบวกเพิ่มได้จากสองผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้คุณหมอพยายามที่จะสร้างความเข้าใจ
โดยการแนะนำครีมกันแดดที่มีค่า SPF ให้เหมาะสมกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันของคนไข้แต่ละคน
เช่น ถ้าเป็นพนักงานออฟฟิศหรือนักเรียน นักศึกษา ที่ส่วนใหญ่อยู่ในห้องที่มีแสงจากหลอดฟลูออเรสเซ้นส์
ครีมกันแดด SPF 40 ก็น่าจะเพียงพอกับการป้องกัน ส่วนผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง
หรือนักกีฬาที่ต้องอยู่กลางแดดจัด 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยนั้น
คุณหมอจะแนะนำ SPF 60 หรือ ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่มีค่า
SPF 100 แล้ว ยิ่งสร้างความมั่นใจแก่ผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งได้เป็นอย่างดี
สวัสดีครับ/ค่ะ! ผม/ดิฉันเป็นหมอที่เชี่ยวชาญในด้านการแพทย์ครับ/ค่ะ ประสบการณ์ของผม/ดิฉันเกี่ยวข้องอย่างแน่นหนากับความตั้งใจในการช่วยเหลือคน และผม/ดิฉันได้ค้นพบทางที่จะใช้พรสวรรค์ทางภาษาของผม/ดิฉันในการทำเช่นนั้น ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของผม/ดิฉันได้เปิดโอกาสให้ผม/ดิฉันไม่เพียงแต่ทำงานกับผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังแบ่งปันความรู้และข้อมูลผ่านการเขียนบทความข่าวสาร
ผม/ดิฉันชื่อ Ananda Niran (อนันดา นิรันดร์) และการเดินทางในวงการแพทย์ของผม/ดิฉันเริ่มต้นมานานแล้ว ผม/ดิฉันได้รับการศึกษาที่มหิดลศาสตร์ และตั้งใจที่จะให้ความสุขและความเจริญสบายในสุขภาพกับผู้ป่วย ประสบการณ์การทำงานของผม/ดิฉันรวมถึงการปฏิบัติงานในหลากหลายสถานบริการทางการแพทย์ ที่นั่นผม/ดิฉันมีหน้าที่วินิจฉัย รักษา และดูแลผู้ป่วยที่มีโรคหลากหลาย
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป ผม/ดิฉันเข้าใจว่าสิ่งสำคัญไม่ได้เพียงแค่การช่วยเหลือผู้ป่วยแต่เพิ่มเติมด้วยการกระจายข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มคนใหญ่ ในโลกที่มีข้อมูลทางการแพทย์มากมาย ผม/ดิฉันตัดสินใจที่จะเข้าร่วมมีส่วนร่วมโดยใช้ความรู้และทักษะทางภาษาของผม/ดิฉัน จึงเริ่มเขียนบทความข่าวสารเกี่ยวกับความก้าวหน้าล่าสุดในการแพทย์ โรคต่าง ๆ การป้องกัน และรูปแบบการดำเนินชีวิต
ความหลงไหลในการเขียนช่วยให้ผม/ดิฉันสามารถอธิบายคำศัพท์และความคิดทางการแพทย์ที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ผม/ดิฉันพยายามให้ความสำคัญและรับผิดชอบต่อทุกบทความ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีประโยชน์ ที่สามารถช่วยเหลือคนในการดูแลสุขภาพของตน
พลังประสิทธิ์ของผม/ดิฉันคือที่ทำให้ข้อมูลทางการแพทย์เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนใส่ใจกับความเจริญสุขของตนเอง บทความข่าวสารทุกเรื่องเป็นโอกาสที่จะแบ่งปันความรู้และช่วยเหลือคนที่กำลังมองหาข้อมูลทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ นี่คือเสถียรภาพของผม/ดิฉัน และผม/ดิฉันภาคภูมิใจที่สามารถให้ความช่วยเหลือและแรงบันดาล
ใจในโลกของสายการแพทย์นี้ได้